เกือบไม่ได้ดู! 10 หนังสยองขวัญที่ตอนจบเดิมโหดร้ายเกินจนต้องเปลี่ยนใหม่

เคยไหม? ดูหนังสยองขวัญจบแล้วรู้สึกว่า...เอ๊ะ! ทำไมมันจบง่ายจัง? หรือบางทีก็อาจจะรู้สึกว่าตอนจบมันขัดกับบรรยากาศอึมครึมที่สร้างมาตลอดทั้งเรื่อง นั่นอาจเป็นเพราะว่าตอนจบที่เราได้ดูกันนั้นไม่ใช่ตอนจบเดิมที่ผู้สร้างตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก! วันนี้ Ohomovie.com จะพาไปสำรวจ 10 หนังสยองขวัญชื่อดังที่เกือบจะจบแบบ 'ดับอนาถ' ชนิดที่ว่าดูจบแล้วอาจจะนอนไม่หลับไปหลายคืน แต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนตอนจบใหม่เพื่อให้คนดูสบายใจขึ้น (หรืออย่างน้อยก็ไม่รู้สึกว่าถูกทำร้ายจิตใจจนเกินไป)
1. Final Destination (2000)
ใครจะคิดว่าหนังฆาตกรรมสุดระทึกโดยยมทูตที่เราคุ้นเคย จะมีตอนจบที่ดาร์กกว่านี้ได้อีก? ตอนจบเดิมนั้น หลังจากที่อเล็กซ์และเคลียร์รอดตายจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก พวกเขาคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว แต่ในฉากสุดท้าย พวกเขาจะเดินผ่านกระจกที่สะท้อนภาพเงาตัวเอง แล้วเงาเหล่านั้นจะค่อยๆ แตกสลายหายไป บ่งบอกว่าความตายยังคงตามล่าพวกเขาอยู่ และไม่มีทางหนีพ้นได้
ความเห็น: ตอนจบแบบเดิมจะทิ้งความรู้สึกสิ้นหวังและความไม่แน่นอนไว้ให้กับคนดูมากกว่า ซึ่งอาจจะทำให้หนังดูหนักหน่วงเกินไปสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม การเปลี่ยนตอนจบให้มีความหวังเล็กๆ น้อยๆ จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า
2. The Descent (2005)
The Descent เป็นหนังถ้ำที่ทำให้หลายคนกลัวที่แคบไปตลอดชีวิต ตอนจบที่เราได้ดูกันคือ Sarah สามารถหนีออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ แต่ในตอนจบเดิมนั้น Sarah จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในถ้ำ แสดงว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน และเธอติดอยู่ในถ้ำตลอดกาล
ความเห็น: ตอนจบแบบเดิมจะโหดร้ายและสิ้นหวังอย่างมาก มันจะทำให้คนดูรู้สึกว่าการเอาชีวิตรอดของ Sarah เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา และความหวังทั้งหมดได้พังทลายลงไป
3. I Am Legend (2007)
Will Smith ต้องเจอกับอะไรมาเยอะมากในหนังเรื่องนี้! ตอนจบที่ฉายจริงคือ Neville เสียสละตัวเองเพื่อช่วย Anna และ Ethan ให้หนีรอดไปได้ พร้อมกับตัวอย่างยาที่สามารถรักษาไวรัสได้ แต่ตอนจบเดิม Neville จะตระหนักว่าพวก Darkseekers ไม่ได้ต้องการฆ่าเขา แต่ต้องการพาตัวเมียที่ Neville จับตัวมาคืนให้ฝูง ซึ่งจะทำให้ Neville เข้าใจว่า Darkseekers ก็มีความรู้สึกและไม่ได้เป็นแค่สัตว์ประหลาด
ความเห็น: ตอนจบแบบเดิมจะมีความซับซ้อนและน่าสนใจมากกว่า เพราะมันตั้งคำถามถึงนิยามของ 'สัตว์ประหลาด' และ 'มนุษย์' และทำให้ Neville กลายเป็นตัวร้ายในเรื่อง แต่ด้วยความที่ฮอลลีวูดมักจะชอบตอนจบแบบฮีโร่เสียสละตัวเอง ตอนจบเดิมจึงถูกปัดตกไปอย่างน่าเสียดาย
4. Paranormal Activity (2007)
หนัง Found Footage ที่ทำให้คนกลัวเสียงอะไรแปลกๆ ในบ้านตัวเอง ตอนจบที่ฉายจริงมีหลายแบบ แต่ตอนจบเดิมนั้น Katie จะถูกครอบงำโดยปีศาจอย่างสมบูรณ์ และฆ่า Micah ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่ตอนจบเดิม Katie จะฆ่า Micah แล้วหันมาเผชิญหน้ากับกล้อง ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ความเห็น: ตอนจบแบบเดิมจะทำให้ Katie กลายเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวและน่าจดจำมากกว่า ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความสำเร็จของภาคต่อๆ ไป การเปลี่ยนตอนจบจึงอาจเป็นเพราะต้องการเปิดโอกาสให้ Katie กลับมาในภาคต่อๆ ไปได้
5. Little Shop of Horrors (1986)
มิวสิคัลคอเมดี้สยองขวัญสุดฮิต! ตอนจบที่เราได้ดูกันคือ Seymour สามารถกำจัด Audrey II ได้สำเร็จ แต่ตอนจบเดิม Seymour จะถูก Audrey II กิน และ Audrey II จะบุกยึดครองโลก
ความเห็น: ตอนจบแบบเดิมจะดาร์กและน่าหดหู่กว่ามาก แต่มันก็สอดคล้องกับธีมของเรื่องที่ว่าความทะเยอทะยานและความโลภสามารถนำมาซึ่งความหายนะได้
6-10 (อื่นๆ):
- The Devil's Advocate (1997): ตอนจบเดิมคือ Kevin โดนยิงตายและไปเกิดใหม่
- Army of Darkness (1992): ตอนจบเดิมคือ Ash หลับนานเกินไปและตื่นมาในโลกอนาคตที่ถูกทำลาย
- Deep Blue Sea (1999): ตอนจบเดิมคือ Carter ตาย
- My Bloody Valentine (1981): ตอนจบเดิมคือ Axel เป็นฆาตกร
- Orphan (2009): ตอนจบเดิมคือ Esther รอดชีวิต
เรื่องราวเบื้องหลังตอนจบที่ถูกตัดทิ้งเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าการสร้างหนังสยองขวัญไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้สร้างต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความดาร์กและความบันเทิง เพื่อให้ได้ตอนจบที่น่าจดจำและไม่ทำร้ายจิตใจคนดูจนเกินไป แล้วคุณล่ะ? อยากเห็นตอนจบแบบไหนมากกว่ากัน?
แชร์บทความนี้
ช่วยแชร์เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รับข้อมูลดีๆ เช่นนี้ด้วยนะครับ 🎬